รีวิว Werra Mat สวยแต่ยาก Carl Zeiss ในราคาเอื้อมถึง

ได้ Werra Mat มาได้ยังไง?

เราเป็น ebay watcher ตัวยงชอบส่องดูกล้องฟิล์มในตลาด อยู่มาวันนึงเราไปเจอคนขายกล้อง Werra หน้าตาประหลาด ติดเลนส์ Carl zeiss ราคาพันเดียว โอ้วว แม่จ้าว กล้องอะไรเนี่ย น่าสนใจมาก เลยลองไปหาในกลุ่มตลาดคนรักกล้องฟิล์มดูว่ามีคนขายมั้ย ปรากฎว่ามี และราคาหลักร้อยด้วย!!! แล้วเราจะพลาดได้ยังไงกัน...

ประวัติกล้อง

กล้อง Werra ชื่ออาจจะไม่คุ้นหูใครหลาย ๆ คน แต่ถ้าพูดถึง Carl Zeiss ก็คงจะอ๋อกันเป็นแถบ ๆ ใช่แล้วค่ะ บริษัทที่ผลิตกล้อง Werra ก็คือ Carl Zeiss นั่นเอง ช่วงนั้นเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 พอดี เป็นช่วงแตกหักของบริษัท คือแบ่งเป็นฝั่ง East German กับ West German ฝั่ง East German ใช้ชื่อ Carlzeiss Jena ส่วนฝั่ง West German ใช้ชื่อ Carl Zeiss เฉย ๆ ส่วนเจ้า Werra นี่ก็ผลิตมาจาก Carl Zeiss Jena ซึ่งเค้าว่ากันว่าเลนส์ของ West German ดีกว่า ทำให้มันมีราคาย่อมเยาว์อย่างที่เห็น
กล้องซีรีส์ Werra ก็มีอยู่หลายตัวด้วยกัน แต่ละตัวจะมีความแตกต่างกันนิด ๆ หน่อย ๆ เช่นวิธีการโฟกัส รูรับแสง หรือ Speed shutter แต่ที่เหมือนกันเลย และยูนีคสุด ๆ ก็คือฝาปิดกล้องของมันที่เปลี่ยนมาเป็นฮู้ดได้ และที่ขึ้นฟิล์มอยู่ตรงเลนส์เลยนี่แหละ เจ๋งใช่มั้ยล่ะ ตัวนี้ที่เราซื้อมาคือ Werra Mat ที่เหมือนจะมี Speed shutter สูงกว่าชาวบ้านอยู่หน่อยนึง


รีวิว

กล้อง Werra Mat เป็นกล้อง Viewfinder คือโฟกัสแบบกะระยะ ติดเลนส์ Carl Zeiss Jena 50mm f2.8 ปรับเองได้ทุกอย่างตั้งแต่รูรับแสงยันความเร็วชัตเตอร์ ไม่ต้องใช้ถ่าน เป็นกล้องกลไก 100% วัดแสงโดยใช้เซเลเนียม ซึ่งแน่นอนมันเสื่อมไปตามเวลา เชื่อถือไม่ค่อยได้หรอก
Werra Mat ถูกออกแบบมามินิมอลโคตร ๆ ปุ่มน้อย หน้าตาสะอาด ๆ เอาทุกอย่างไปไว้ฐานด้านล่างหมด แล้วยังเอาก้านขึ้นฟิล์มออก ไปขึ้นฟิล์มตรงที่เลนส์อีก อะไรจะอินดี้เบอร์นั้น ดูเหมือนจะน้ำหนักเบา แต่ มัน หนัก มาก จริง ๆ น้ำหนักอาจจะพอ ๆ กับกล้อง Rangefinder ทั่ว ๆ ไป แต่ด้วยดีไซน์ที่มันมีขนาดเล็ก ทำให้ถือละเมื่อยมาก ไม่ Ergonomic เลย ทั้งนี้ทั้งนั้น กล้องมันดูหน้าตาแข็งแรงมาก งานประกอบดีแบบรู้สึกได้ แน่นปึ้ก ๆ





ข้อดี

  • ดูแข็งแรง แน่นหนา
  • ไม่ต้องใช้ถ่าน
  • หน้าตาดี ดูมินิมอล ออกแบบมาสะอาดมาก น็อตซักตัวก็ไม่มีให้เห็น
  • ฝาปิดเลนส์เปลี่ยนมาเป็นฮู้ดได้
  • ขึ้นฟิล์มที่เลนส์ อาจจะสะดวกกับคนที่ถนัดซ้าย 
  • เลนส์คม สีสันจัดจ้านสมเป็น Carl Zeiss 
  • ชัตเตอร์นุ่มม๊ากกก เป็น leaf shutter (ในกล้องยุค 1950!!!) กดสบายมาก

 ข้อเสีย

  • โฟกัสแบบกะระยะกะยากมาก เบลอไปเกือบทั้งม้วน ฮา ๆ
  • หนักมาก
  • จับไม่ค่อยสะดวก 
  • ขึ้นฟิล์มที่เลนส์ อาจจะต้องปรับตัวนิดหน่อย
  • ที่ปรับรูรับแสง ความเร็วชัตเตอร์ ขึ้นฟิล์ม ที่เลนส์ ปรับค่อนข้างยาก ยิ่งคนมือใหญ่ ๆ ยิ่งไปกันใหญ่
  • โหลดฟิล์มยาก ต้องถอดฝาหลังออกมาทั้งดุ้น

ตัวอย่างรูป

Werra Mat
Film : Fujifilm X-tra 400
ล้างสแกน : เชอรี่ท่าพระจันทร์

Werra Mat
Film : Fujifilm X-tra 400
ล้างสแกน : เชอรี่ท่าพระจันทร์


Werra Mat
Film : Fujifilm X-tra 400
ล้างสแกน : เชอรี่ท่าพระจันทร์


Werra Mat
Film : Fujifilm X-tra 400
ล้างสแกน : เชอรี่ท่าพระจันทร์


Werra Mat
Film : Fujifilm X-tra 400
ล้างสแกน : เชอรี่ท่าพระจันทร์


Werra Mat
Film : Fujifilm X-tra 400
ล้างสแกน : เชอรี่ท่าพระจันทร์


Werra Mat
Film : Fujifilm X-tra 400
ล้างสแกน : เชอรี่ท่าพระจันทร์

Werra Mat
Film : Fujifilm X-tra 400
ล้างสแกน : เชอรี่ท่าพระจันทร์

Werra Mat
Film : Fujifilm X-tra 400
ล้างสแกน : เชอรี่ท่าพระจันทร์


Werra Mat
Film : Fujifilm X-tra 400
ล้างสแกน : เชอรี่ท่าพระจันทร์


 


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รีวิว Mamiya C220 professional กล้อง 120 ใหญ่สะใจ

รีวิว Olympus OM10 มือโปรก็ใช่ มือใหม่ก็ชอบ